ค้นหาบล็อกนี้

3/9/54

หนังดีที่ชีวิตนี้คุณต้องไม่พลาด!! Temple Grandin









คิดไหมว่าการเกิดมาเป็นออทิสติกเป็นความโชคร้ายอย่างยิ่ง......


พวกเค้าแตกต่างหรืออยู่ที่พวกคนปกติไม่สามารถยอมรับได้.....


เค้าไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนปกติได้หรืออยู่ที่คนปกติเลือกที่จะไม่ยอมเข้าใจโลกของเค้าเสียเอง...








หลังจากได้ดูเรื่องนี้จากช่อง HBO รู้สึกทึ่งกับคน"พิเศษ"เหล่านี้จริง ๆ


ใช่แล้วจ้า.. Temple Grandin ผู้จบป.เอกและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวภิบาลและเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยโคโลราโดอันเลื่องชื่อ ผู้สร้างผลงานทางโค้งต้อนวัวโดยไม่ให้วัวตื่นตระหนกตกใจและบาดเจ็บ อีกทั้งมีความเป็นเลิศทางความจำ เธอสามารถจดจำสิ่งต่าง ๆที่ผ่านตาได้ทุกอย่าง จำหนังสือทุกหน้าที่เปิดอ่านได้ คำนวณเลขพีชคณิตและฟิสิกส์ได้แม่นยำไม่เคยผิด มีความเป็นเลิศทางจินตนาการและสามารถถ่ายทอดออกมาได้แม้ไม่ได้เป็นศิลปินหรือวิศกรมืออาชีพแต่อย่างใด


เก่งมากเลยใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อไหมคะ...ว่าคน ๆนี้แหล่ะเป็น"ออทิสติก" คืออาการพัฒนาการรอบด้าน ไม่เป็นไปตามปกติ ทั้งการพูดสื่อสาร การอยู่ร่วมกับสังคม มีอาการแสดงออกอย่างไม่เหมือนคนธรรมดา


แต่จำไว้นะค่ะ "คนพิเศษ" เหล่านี้เค้ามีไอคิวสูงกว่าพวกเราหลายเท่านัก เค้าเกิดมาขาดบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมือนกับ"คนปกติ" แต่บางสิ่งบางอย่างที่เค้ามี "คนปกติ" ไม่สามารถมีได้อย่างเค้าได้ เหมือนกับพรสวรรค์มาทดแทนและเหนือกว่า"คนปกติ"





****รูปดร.เท็มเปิล แกรนดิน ตัวจริงจ้า.....


เนื้อเรื่องก็บอกกล่าวถึงประวัติของดร.เเกรนดินค่ะ ตั้งแต่เธอพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ เธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนเก่า แต่แม่ของเธอก็ไม่ยอมแพ้หาที่เรียนให้แก่เธอจนได้ และตรงนี้เองเธอได้ค้นพบพรสวรรค์ของเธอ และได้รับการสนับสนุนจากคาร์ลอส ผู้เป็นอาจารย์ที่สอนวิทยาศาสตร์แก่เธอ และเป็นผู้ที่ทำให้เธอยอมรับตัวตนของตัวเองและผู้ที่กระตุ้นให้เธอดึงความสามารถพิเศษออกมาใช้อย่างสร้างสรรค์และตระหนักความสำคัญของการศึกษา แม้ดร.แกรนดินจะเป็นออทิสติก แต่ความสามารถและความเป็นเลิศทางวิชาการนั้นเธอเหนือชั้นกว่าคนทั่วไปหลายเท่านั้น และเธอก็ฉลาดที่จะใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ซะด้วยสิ ผิดกับ"คนปกติ"ที่แม้จะใช้ชีวิตเข้ากับสังคมได้ แต่กลับล้มเหลวในการนำความสามารถของตัวเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์ซะนี่



เราชอบหนังเรื่องนี้มากค่ะ การดำเนินเรื่องสนุกมาก ไม่ยีดเยื้อและไม่น่าเบื่อเหมือนหนังชีวประวัติบางเรื่อง


อีกทั้งแคลร์ เด็นส์ แสดงได้ดีมากในบทดร.แกรนดิน จนบางทีเรารู้สึกอินไปกับมันโดยไม่รู้ตัว ทุกฉากที่เด็นส์แสดง ทำให้เราเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของ"ออทิสติก" โลกที่เข้าใจยาก แต่น่าอัศจรรย์ โลกที่เราปรารถนาจะมี แต่ไม่สามารถมีได้อย่างพวกเค้า


ที่น่าสนใจคือพวกเค้าเหล่านั้นไม่ได้ต่างจากพวกเราเลยแม้แต่น้อย "คนปกติ"ต่างหากที่น่ากลัวกว่าพวกเค้าเสียด้วยซ้ำ เพราะอย่างน้อยถึงแม้เค้าจะต่อต้านสังคม แต่"คนพิเศษ"เหล่านี้ไม่เคยทำร้ายใคร นอกจากจะโดนยั่วยุอย่างรุนแรง และพวกยั่วยุนี่ก็เป็นพวกปกติซะด้วยนี่สิ


สำหรับความรู้ที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ..."คนพิเศษ"นั้นจะมีสัมผัสไวโดยเฉพาะเสียงและสี และเป็นพวกที่ไม่หยุดนิ่ง(เรียกว่า"ไฮเปอร์"นั่นแหล่ะ) ดังนั้นถ้ามีเสียงดัง พวกเค้าจะตกใจและหาทางระบายออกทันที แต่ถ้าพูดและสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและมีระบบกับเค้า คนพิเศษเหล่านี้ก็สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับคนปกติ เพราะเค้าจะจดจำและซึมซับกิจกรรมทุกอย่างที่เราทำ อีกอย่างนึงถ้าเรายอมรับพวกเค้า แน่นอนที่สุดว่า การใช้ชีวิตกับพวกเค้านั้นไม่ยากเลย และไม่มีพิษภัยเหมือนคนปกติเสียด้วยซ้ำจ๊ะ และในหนังบอกด้วยว่า การที่พวกเค้าหมุนตัวตลอดเวลาเพราะว่า "คนพิเศษ"พวกนี้ต้องการอ้อมกอดแต่เค้าไม่สามารถที่จะอยู่เฉย ๆให้พ่อแม่กอดได้ เพราะสมองตื่นตัวตลอด ดังนั้นการหมุนตัวคือการทำให้รู้สึกถึงอ้อมกอดของคนที่รัก ถ้าเรายอมหมุนตัวสักนิดที่จะกอดเค้า คงจะดีมากเลยทีเดียว....



สำหรับเจ้าของบล็อกแล้วดร.เท็มเปิล แกรนดิน ไม่ได้มีแค่ความคิดและความฉลาดที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ แต่เราต้องมองดูคนรอบข้างดร.แกรนดินด้วยว่าเป็นแบบไหน ความคิดเราแล้วดร.แกรนดินโชคดีมากที่เธอมีครอบครัวและเพื่อนที่รักและยอมรับรวมทั้งสนับสนุนเธอมาตลอด ถึงตรงนี้แล้วเจ้าของบล็อกว่าตรงนี้แหล่ะ "หัวใจ"สำคัญแห่งความสำเร็จของดร.แกรนดินเลยแหล่ะ แม้เธอจะเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างได้ยาก แต่มันไม่ลำบากเลยถ้ามีคนมาเข้าใจ ไม่เหมือนบางสังคมที่เอาแต่แบ่งแยกความปกติ สถาบัน ฐานะกัน ใครไม่เหมือนคนอื่นก็ต่อต้านจนสุดหัวใจ แถมรังเกียจอีกต่างหาก ดังนั้นคิดใหม่เสียเถิดนะ"คนพิเศษ"น่ะเค้ายังมีความเคารพคนอื่นมากกว่าพวกนี้เสียอีก เพราะเค้ามีโลกส่วนตัวสูงดังนั้นถึงไม่เคยไปก้าวก่ายเรื่องของใคร แล้วไอคิวของเค้าน่ะ ถ้าเทียบกับความสามารถกับพวกนี้แล้ว "เทียบไม่ติด"เลยจ๊ะ...



ดังนั้นใครชอบดูหนังหรืออยากเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากขึ้นก็จงหาเรื่องนี้มาดูซะ แล้วดูเสร็จก็พิจารณาตัวเองด้วยนะค่ะ แล้วคุณจะเข้าใจแก่นแท้ของหนัง มันมีหลายอย่างที่น่าประทับใจ น่าคิด และน่าละอายสำหรับคนดูมาก ถ้าใครดูเรื่องนี้แล้วคิดไม่ได้ เจ้าของบล็อกท้าเอาบาทามาแปะหน้าเลยค่ะ เพราะฉันดูแล้วยังรู้สึก"อาย"ตัวเองเลยค่ะ ที่เป็น"ปกติ"แต่ทำไม่ได้อย่าง"เค้า"